วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

ชีวิตดีขึ้น เมื่อบุญมาถึง

ชีวิตดีขึ้น เมื่อบุญมาถึง

คำว่า ชีวิต ...ดี๊ดี...
ของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน

บางคน คิดว่า ชีวิตจะดีขึ้น ก็ต่อเมื่อ ไม่มีหนี้
การที่จะหมดหนี้ได้ก็ขึ้นอยู่กับวินัยการใช้จ่าย
การเก็บหอมรอบริบ
หลายคนคิดสั้น ฆ่าตัวตายเพื่อหนีหนี้
แต่หารู้ไม่ว่า ชีวิตหลังความตายนั้น
มันยิ่งกว่า ทรมานสุดๆ
เป็นกรรมหนักมากจริงๆ 
นอกจากหนี้สินจะไม่หมดแล้ว 
ยังก่อเวรก่อกรรมให้กับตนเองและคนรอบข้างอีก
แต่หนี้จะมากมายขนาดไหน
ก็ต้องพ่ายแพ้ความเพียรพยายาม
ความตั้งใจจริง ที่จะผ่านพ้นมันมาให้ได้

หรือ บางคนคิดว่า 
ชีวิตจะดีขึ้น ก็ต่อเมื่อ หายป่วย
ความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น
เป็นความมันทรมานทั้งกายและใจ
ทั้งผู้ป่วยเองและคนรอบข้าง
หลายคนบอกว่า ถ้าหายป่วย 
จะทำบุญให้มากขึ้น
ทางพระพุทธศาสนาสอนว่า
โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เกิดจากการกระทำของตน
ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
หากรู้อย่างนี้แล้ว หาวิธีการป้องกันไว้ดีที่สุด
 กรรมในอดีตกลับไปแก้ไม่ได้ 
แต่ก็ควรเลิกทำ แล้วอุทิศส่วนบุญให้
คู่กรรมคู่เวร
ป่วยก็หาย ร้ายก็กลายเป็นดีได้
ส่วนในปัจจุบันนั้น ก็ต้องดูแลสุขภาพ
ทั้งอาหารการกิน การสังเกตตัวเอง
การตรวจสุขภาพ ออกกำลังกาย

หรือ บางคนบอกว่า
ชีวิตจะดีขึ้น ก็ต่อเมื่อ มีทรัพย์สมบัติ
มากมาย เหลือกินเหลือใช้
เราเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับคนที่ประสบความสำเร็จ
ในการทำธุรกิจหรืออาชีพใดก็ตาม
ส่วนใหญ่แล้ว เขาเริ่มจากศูนย์
เกือบทั้งนั้น 
เราค่อยๆ ศึกษาวิธีการทำงานของเขา
วิธีการคิดของเขา
คิด พูด ทำ แบบไหน?
ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ
สิ่งเหล่านี้ ก็จะเป็นทางมาแห่งทรัพย์ นั่นเอง
แต่หากบุคคลนั้น ไม่เคยทำทาน มาเลย
บุญที่เกิดจากการทำทาน ก็น้อย 
ทรัพย์สมบัติก็ไม่ค่อยไหลมาเทมาเท่าไหร่
รู้อย่างนี้แล้ว ก็ต้องเร่งความบุญทำทาน
กันให้มากขึ้น เพื่อเป็นเสบียงในชาติต่อๆ ไป

ชีวิตจะดีขึ้น ก็ต่อเมื่อ...
อะไรก็แล้วแต่นิยามของแต่ละคน

อะไรที่เกิดขึ้นแล้วไม่ว่าจะดีหรือร้าย
ย่อมทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น

...ดังนั้น...
ชีวิตของคนเราเรา จึงขาดบุญไม่ได้จริงๆ 

เราใช้บุญเก่าไปทุกๆ ลมหายใจ
หากไม่สร้างบุญใหม่เพิ่ม
บุญเก่าก็ค่อยๆ ลดน้อยลง
รอเวลาหมดบุญ คงไม่ดีแน่

ดังนั้น ชีวิต...ดี๊ดี...ของเรา ในตอนนี้
แค่ไม่มีหนี้สิน ร่างกายแข็งแรง
มีทรัพย์สินเงินทอง พอมีพอใช้ไปตลอดชีวิต
ก็ดีงามแล้ว
ซึ่งถือว่า บุญ ก็กำลังส่งผลอยู่

แต่ ชีวิต...ดี๊ดี...ของเรา ในอนาคต
อาจหมายถึง 
เราได้ปลดปล่อยวางจากพันธนาการ
ทุกสิ่งทุกอย่าง

มีเวลาในการปฏิบัติธรรม
ค่อยๆ ฝึกไปเรื่อยๆ ให้ใจเราค่อยๆ หมดกิเลส
ไปถึงที่สุดแห่งธรรมได้

เรียกว่า มีอิสรภาพทางการเงิน
และ
อิสรภาพทางเวลา อย่างแท้จริง

และนี่...อาจจะเป็น ชีวิต...ดี๊ดี...
ที่หลายคนแสวงหาอยู่...ก็เป็นได้


...aohheart
16 มี.ค. 59

ทำบุญแล้วชีวิตฉันดีขึ้นอย่างไร?

ทำบุญแล้ว ชีวิตฉันดีขึ้นอย่างไร?

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า
การทำบุญ คือ อะไร
ได้แก่ อะไรบ้าง
ตามความเข้าใจของเราตอนนี้เลย

การทำบุญ คือ สิ่งที่ทำแล้วสบายใจ
ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและคนอื่น
เมื่อนึกถึงแล้วปลื้มใจที่ได้กระทำลงไป

บุญ คือ ความปลื้มอกปลื้มใจ
สบายกายสบายใจ
ยกระดับจิตใจให้ดีขึ้น
ไม่ตระหนี่ เสียดายทรัพย์
ไม่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้
มีแต่ความเสียสละ แบ่งปัน

ดังนั้น การทำบุญ ไม่ใช่เพียงแต่บริจาคเท่านั้น
แต่มีหลากหลายอย่าง 
ทางพระพุทธศาสนา เรียกว่า

บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ

1. บุญเกิดจากการให้ทาน
ได้แก่ บริจาคเงิน สิ่งของ ใส่บาตร
ให้ธรรมะเป็นธรรมทาน การให้อภัยทาน 
ปล่อยปลาให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน
ถวายสังฆทาน ถือว่าได้บุญสูงสุด
เนื่องจากเป็นการถวายแบบไม่เฉพาะเจาะจง

2. บุญเกิดจากการรักษาศีล
ได้แก่ ศีล 5 คือ ความเป็นปกติของมนุษย์
(ไม่ฆ่า ไม่ลัก ไม่ประพฤติผิดในกาม 
ไม่พูดปด ไม่ดื่มน้ำเมา)
ศีล 8 สำหรับผู้ต้องการฝึกตนให้ยิ่งขึ้น
ศีล 10 สำหรับสามเณร
ศีล 227 สำหรับพระภิกษุสงฆ์

3. บุญเกิดจากการเจริญภาวนา
ได้แก่ การนั่งสมาธิ ทำให้ใจหยุด นิ่ง
ทำให้เกิดสติปัญญา

4. บุญเกิดจากการอ่อนน้อมถ่อมตน

5. บุญเกิดจากการขวนขวายในกิจที่ชอบ 
ได้แก่ การเป็นอาสาสมัครช่วยงานวัด
ช่วยเหลืองานส่วนรวม
เป็นต้น

6. บุญเกิดจากการอุทิศบุญ
เช่น การกรวดน้ำ แผ่เมตตา ให้แก่บรรพบุรุษ
และสรรพสัตว์ทั้งหลาย

7. บุญเกิดจากการอนุโมทนาบุญ
เมื่อมีคนทำความดี เราแสดงมุทิตาจิต
ยินดีกับความดีของเขาไปด้วย
ทำให้ลดความอิจฉา ริษยา

8. บุญเกิดจากการฟังธรรม
ได้แก่ ฟังธรรมะจากพระสงฆ์
 หรือฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่
เพราะพ่อแม่คือพระอรหันต์ของลูก

9. บุญเกิดจากการแสดงธรรม
ได้แก่ การชี้แนะในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม

10. บุญเกิดจากการทำความเห็นให้ตรง
คือ มีความเห็นชอบต่อสิ่งเหล่านี้
ได้แก่ ทานที่ให้แล้วมีผลจริง ยัญมีผลจริง 
การบูชามีผลจริง วิบากกรรมดีกรรมชั่วมีผลจริง
โลกนี้มีจริง โลกหน้ามีจริง
สัตว์ที่ผุดเกิดขึ้นได้เองมีจริง
พระคุณพ่อมีจริง พระคุณแม่มีจริง
พระอรหันต์ผู้รู้แจ้งโลกนี้โลกหน้ามีจริง

สามารถกระทำบุญได้อย่างหลากหลาย
หากทำบุญแบบ เอาชีวิตเป็นเดิมพัน
อย่างนั้นเรียกว่าเป็น บารมี

แค่ได้เกิดมาแล้วรู้วิธีการทำบุญ
แค่นี้เราก็รู้สึกว่า บุญ ของเราจริงๆ แล้ว

ดั้งนั้น ตั้งแต่เราได้เกิดมา 

พบเจอพระพุทธศาสนา
มีครอบครัวที่อบอุ่น คุณแม่เข้าใจกฎแห่งกรรม
เนื่องจากเราพาคุณแม่มาทำบุญที่วัดพระธรรมกาย
แม้ตอนนี้คุณพ่อจะจากไปแล้ว
แต่เราก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้
มีกัลยาณมิตร คอยชี้แนะในทางดีงาม
เราได้เรียนจบปริญญา
 มีหน้าที่การงานที่ดี
มีคนรอบข้าง เพื่อนร่วมงานและสิ่งแวดล้อมที่ดี
มีฐานะทางครอบครัวที่ดี
มีสุขภาพที่แข็งแรง
มีกำลังใจปฏิบัติธรรม
พบความสุขจากสมาธิ
ประสบความสำเร็จในชีวิต
ทั้งทางโลกและทางธรรม

เพียงเท่านี้

เราก็รู้สึกว่า บุญ ที่เราได้สั่งสมมานั้น
ได้ส่งผลให้ชีวิตเราดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ

เราจึงมั่นใจและเชื่ออย่างยิ่งว่า

บุญ  อยู่เบื้องหลังความสุข
และความสำเร็จในชีวิต


...aohheart
16 มี.ค.59







วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559

นั่งสมาธิแล้ว ชีวิตฉันดีขึ้นอย่างไร?

นั่งสมาธิแล้ว ชีวิตฉันดีขึ้นอย่างไร?

คำว่า สมาธิ สำหรับเรานั้น 

สมาธิ คือ การจดใจนิ่งอยู่กับสิ่งๆ หนึ่ง 
เป็นระยะเวลานานๆ ได้

พูดถึงการนั่งสมาธิ
แบบง่ายๆ เลย คือ ต้องสบายทั้งกายและใจ

แต่ก่อนเราฝึกหลายๆ แบบ
ทั้งนับลมหายใจ (ครูสอนตอนสมัยเรียนมัธยม)
ต้องขอบพระคุณอาจารย์อารมณ์ จรเจริญ
สอนวิชาฟิสิกส์ แต่ก่อนเรียน ให้นั่งสมาธิก่อน
(ตอนแรกก็งงๆ ว่าวิชานี้สอนอะไรกันแน่ 
วิชาพระพุทธศาสนาก็สอนให้นั่งสมาธิ
อันนี้พอเข้าใจได้ 
ก็เลยงงๆ กันไปตามประสาเด็ก)

พอโตขึ้นเข้าใจแล้ว 
ว่าเราจะทำอะไรก็ต้องมีสมาธิทั้งนั้น
จะอ่านหนังสือ จะกวาดบ้าน ถูบ้าน
ขับรถ ข้ามถนน...ต้องใช้สมาธิ
  
แต่แบบไหนล่ะ ใจเราจะนิ่งได้
พุทโธ พุทโธ ตามลมหายใจ เข้าออก
ยุบหนอ พองหนอ ตามลมหายใจมาที่หน้าท้อง
เราก็ฝึกมาหมดแล้ว

แต่วิธีสุดท้าย คือ การภาวนาสัมมาอะระหัง
เบาๆ ไปเรื่อยๆ นึกว่ามีเสียงออกมาจากลำโพง
ที่อยู่กลางลำตัว
ฟังไปเรื่อยๆ ถ้ามีเรื่องอื่นเข้าแทรก ก็ปล่อยไปก่อน
จนเราตั้งสติได้ค่อย ภาวนาใหม่
ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ 

จนฟุ้งมากกลายเป็นน้อย
และน้อยกลายเป็นใจหยุดนิ่งได้เลย
แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย
สำหรับตัวเราแล้ว
ต้อง 1-2 ชัวโมงขึ้นไป ถึงจะได้
ถ้าเลิกก่อน ใจก็จะยังไม่หยุดสนิท

ซึ่งเป็นวิธีการปฏิบัติธรรม 
เพื่อให้เข้าถึงวิชชาธรรมกาย
ที่เราได้ฝึกปฏิบัติจากวัดพระธรรมกาย

พระเดชพระคุณหลวงปู่สด
วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
ท่านได้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้
แล้วนำมาถ่ายทอดสอนรุ่นต่อรุ่น

การภาวนาสัมมาอะระหัง
และ
หยุด เป็นตัว สำเร็จ

จนมาถึงคุณยายอาจารย์
มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง
ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย
และมาถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย
พระเทพญาณมหามุนี เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
มาถึงพวกเราเหล่าสาธุชน

สมาธิ ที่เราได้ฝึกจากที่นี่นั้น
มีความละเอียดลุ่มลึกไปตามลำดับ
เริ่มจากทำให้ใจเราสงบ ชุ่มเย็น
สบายทั้งกายและใจ
ระบบความคิดปลอดโปร่ง
ระบบการทำงาน การวางแผน มีระบบระเบียบ

เมื่อเราฝึกมากๆ บ่อยๆ 
สมาธิจะเป็นทางมาแห่งสติปัญญา
รู้ผิดชอบชั่วดี บาปบุญคุณโทษ
ไปจนถึงหมดกิเลส เข้าพระนิพพานได้เลย

แต่การจะไปถึงจุดๆ นั้น ต้องอาศัย
ความต่อเนื่อง ความเพียร พยายาม
ความอดทนและตั้งใจจริง

สมาธิ ทุกคน ทำได้ ถ้าตั้งใจจริง


...aohheart
15 มี.ค.59










วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

มาวัดพระธรรมกายแล้ว ชีวิตฉันดีขึ้นอย่างไร?

ม า วั ด พ ร ะ ธ ร ร ม ก า ย แ ล้ ว
ชี วิ ต ฉั น ดี ขึ้ น อ ย่ า ง ไ ร ?

เรารู้จักวัดพระธรรมกายเมื่อปี พ.ศ. 2547
ตอนนั้นอยู่เรียนมหาวิทยาลัย
ได้เข้าชมรมพุทธศาสน์ฯ
ต้องบอกก่อนเลยว่า
เป็นชมรมเดียวที่น่าอยู่ อบอุ่น
เป็นกันเองมากๆ

ทั้งสถานที่ก็สะอาด ข้าวของเป็นระเบียบ
พูดจาไพเราะ คะ ขา พี่ น้อง
(คุยกับเพื่อนที่คณะยังไม่เพราะขนาดนี้ 555)
และมีกิจกรรมตลอดต่อเนื่อง

ทั้งกิจวัตรที่ทำทุกวัน 
ได้แก่ สวดมนต์ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น 
นั่งสมาธิ เล่าธรรมะ เข้าค่าย จัดค่าย
จัดงานตักบาตร จัดงานจุดโคมประทีป
ฟังเทศน์ฟังธรรมจากพระอาจารย์
ที่ท่านได้เมตตาเดินทางมาจากวัดพระธรรมกาย
ทุกวันพฤหัสบดี

และกิจกรรมเข้าค่ายทีชมรมพุทธศาสตร์สากลฯ
จัดสอบตอบปัญหาธรรมะ
กิจกรรมเข้าค่ายและหล่อหลอม
ร่วมกับเพื่อนๆ ชมรมพุทธฯ ต่างมหาวิทยาลัย
บอกบุญกฐิน ทำหน้าที่กัลยาณมิตร
และชวนอบรมธรรมทายาทช่วงปิดเทอม
ทั้งชายและหญิง
เรียกว่ากิจกรรมแน่นเอี้ยดในแต่ละวัน
เวลาที่อยู่มหาวิทยาลัย 4 ปี
เลยดูสั้น ผ่านไปรวดเร็วมาก

สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา
ทั้งทางโลก ไม่ว่าจะเป็น
ความมีวินัย ตรงต่อเวลา การทำงานเป็นทีม
ความเสียสละ การคิดวิเคราะห์ตัดสินใจ
การทำงานอย่างมีระบบ มีขั้นมีตอน
รู้จักวางแผน
การพูดในที่สาธารณะ 
บุคลิกภาพ ทำให้เป็นคนจิตใจเย็น
มีสติ มองโลกไปตามความเป็นจริง

ในด้านทางธรรมนั้นก็อีกมากมายมหาศาล
ไม่ว่าจะเป็น บุญ 
ทั้งหยาบและละเอียดที่เราได้รับ
(บุญละเอียด ซึ่งได้จากการนั่งสมาธิ)
ได้กัลยาณมิตร หรือเพื่อนดีๆ 
ที่คอยชักชวนกันไปทำความดี
ทั่วทั้งประเทศรวมตัวกันเป็นเครือข่ายคนดี

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราได้รับ คือ
ทำให้เรารู้ถึงเป้าหมายชีวิต
ว่าชีวิตเราไม่ใช่มีแค่เกิดมา 
เรียนหนังสือ เรียนจบ ทำงาน
มีครอบครัว แล้วก็แก่ 
แล้วก็เจ็บ แล้วก็ตายไป 
หมดเวลาไปชาติหนึ่ง

เป้าหมายชีวิต
ทำให้เราเข้าใจการสร้างบุญ สร้างบารมี
เป็นเสบียงให้ติดตัวเราไปข้ามภพข้ามชาติ
สร้างบารมีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

ไม่ปล่อยทิ้งลมหายใจ
ไปอย่างไร้ค่า ไร้จุดหมาย 
หรือเรียกง่ายๆ ว่า
หายใจทิ้งไปวันๆ 

ทั้งหมดทั้งมวลนี้
สร้างให้เป็นเราคนใหม่
ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
สิ่งสำคัญ...คือ กัลยาณมิตร
ถ้าเราหากัลยาณมิตรได้แล้ว
นั่นจะนำพาเราไปสู่หนทางที่สว่างไสว

และสมาธิ...
จะทำให้เราพบกับความสุขที่แท้จริง
ที่มีอยู่ภายในตัวของเราทุกคน
ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน
แค่หยุดใจ นิ่งๆ เฉยๆ เบาๆ สบายๆ
ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดเหนือสะดือสองนิ้วมือ

เพียงแค่นี้...
รับรองได้ว่า ทุกคนจะต้องมี
...ชีวิตดี๊ดี...

อย่างแน่นอน


...aohheart
11 มี.ค. 59

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

บุญที่ปลื้มมากที่สุด

บุ ญ ที่ ป ลื้ ม ม า ก ที่ สุ ด

ถามว่าบุญอะไรที่เราปลื้มมากที่สุด
จริงๆ แล้ว เราต้องปลื้มทุกๆ บุญ
นึกถึงทุกๆ บุญ
เพราะว่า บุญ เกิดขึ้น 3 วาระ
ก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำ
โดยเฉพาะหลังจากที่เราได้ทำบุญไปแล้ว
เราสามารถนึกปลื้มถึงบุญนั้น
ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
คุณก็นึกได้ใช่ไหม?

แต่ถ้าบุญที่ปลื้มมากจริงๆ เกิดขึ้นไม่นานมานี้
คือ บุญกฐินธรรมชัย สร้างทุกสิ่ง ปี พ.ศ. 2558
และหล่อพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ องค์ที่ 8 
อย่างเต็มที่เต็มกำลัง
ซึ่งถือเป็นการตัดใจ
เปลี่ยนโลกิยทรัพย์ให้มาเป็นอริยทรัพย์
เรียกได้ว่า ตั้งใจรื้อผังจน กันเลยทีเดียว

การบุญหล่อพระก็เป็นบุญใหญ่
เราและครอบครัวศรัทธาและเคารพรักท่านมาก
เราก็ทำบุญมากตามศรัทธานั่นเอง

เนื่องจากเราตั้งใจหัดสวดมนต์ธัมมจักกัปปวัตนสูตร
และบทพาหุงฯ ทุกตัวอักษรทุกคำ เราท่อง เราจำ 
เราสวดได้ ตั้งใจเพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา
จึงทำให้ปลื้มมาจนถึงทุกวันนีัเลย

แ ต่ เ ดี๋ ย ว ก่ อ น

มีเพื่อนเราหลายคนถามมาว่า 
ทำไมมาวัดนี้ต้องทำบุญเยอะเหรอ?

เราคิดง่ายๆ ว่า 
คนที่มีเงิน 1 ล้านบาท ทำบุญ 100 บาท
กับคนที่มีเงิน 100 บาท แต่ทำบุญ 99 บาท
ใครได้บุญมากกว่ากัน?
ทำแบบทุ่มสุดใจ น่าจะได้บุญมากกว่า
เพราะปลื้มใจและจำได้ไม่มีวันลืม

อย่ามัวแต่คิดถึงจำนวนเงินเลย
การที่เราซื้อข้าวของเครื่องใช้
กระเป๋า รองเท้า บ้าน รถยนต์ อาหาร
เสื้อผ้า อะไรต่างๆ จิปาถะ
ก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น

การที่เขาจะทำบุญมากหรือน้อย
ย่อมขึ้นอยู่กับศรัทธา
แล้วเงินทำบุญนั้น เอาไปใช้ทำอะไร?
เราก็คงเห็นได้ชัดเจนแล้วว่า
วัดพระธรรมกาย นำเงินที่ญาติโยมถวาย
ไปทำอะไรบ้าง?

ทั้งสร้างศาสนสถาน
 เพื่อให้คนมาทำบุญ นั่งสมาธิ

สร้างเยาวชนคนเก่งและดี
 ด้วยการมอบทุนการศึกษา

สร้างศาสนทายาทหรือธรรมทายาท
ด้วยการจัดบวชพระปีละแสนรูปบ้าง ล้านรูปบ้าง

ทุกอย่างเห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมทั้งหมด
ทุกอย่างเพื่องานพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น

เราจึงปลื้มใจ
บุญที่เราได้ทำทุกวันๆ 
วันนี้ได้เปลี่ยนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์
ต่อพระศาสนา ได้มากมายขนาดนี้

มีเพื่อนสงสัยอีกว่า 
คนเข้าวัดนี้มีแต่คนรวยๆ ทั้งนั้นเลย

จริงๆ ก็นึกขอบคุณเขานะ ที่ให้พรเรา
อยากบอกเลยว่า มาแล้วรวยจริงๆ 
ถ้าอยากรวย ให้รีบเข้าวัดทำบุญกันเยอะๆ นะ


...aohheart
10 มี.ค. 59








วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559

บูชาข้าวพระ ทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน

บูชาข้าวพระ ทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน

เรารู้จักและเริ่มเข้าวัดพระธรรมกาย 
เมื่อปี พ.ศ. 2547
กิจกรรมสำคัญที่พี่ชมรมพุทธฯ
ชวนให้เราไปตลอด อย่าให้ขาด ก็คือ
บูชาข้าวพระ ทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน

เราเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปด้วย
งงๆ อยู่เหมือนกันนะในตอนแรก
พอไปบ่อยเข้า ก็เริ่มรู้ได้ว่า
อ๋อ...เราจะได้ไม่ห่างวัดไงล่ะ
อืมมม ตอนนั้นก็คิดได้แค่นี้เอง
เพราะถ้ามีกิจกรรมงานบุญทุกเดือน
เราก็จะมาวัดต่อเนื่อง อย่างน้อยเดือนละครั้ง

แต่พอเราเริ่มได้ฟังธรรมะจากพระอาจารย์
ถึงความสำคัญของการบูชาข้าวพระ
คนที่งงๆ เบลอๆ เข้าใจอะไรยาก แถมดื้อนิดๆ อย่างเรา
ก็ไม่เข้าใจหรอก เพราะเป็นเรื่องละเอียด(อ่อน) มาก
ถือคติว่า ก็ฟังไปก่อน
สักวันเราคงจะเข้าใจ

รู้แต่เพียงว่า ได้บุญม๊ากกกมาก
บางทีเราก็บรรยายไม่ได้ 
เพราะตัวเราเองก็ยังไม่ได้เห็นตัวบุญเลย
แต่ทุกครั้งที่ได้มาก็จะอิ่มๆ ใจ ตัวเบาๆ กลับไปทุกครั้ง

พระอาจารย์ท่านว่า ให้เราตักบาตรพระทุกวัน
จนอายุ 100 ปี ตลอดต่อเนื่องเลยนะ
ก็ยังไม่เท่ากับ การมาบูชาข้าวพระครั้งหนึ่งเลย

โอ้โห...ท่านเปรียบเทียบอย่างนี้
เราก็หาเรื่องมาจนได้
เพราะพระอาจารย์ท่านบอกว่า 
ถ้าไม่ถึงกับเป็นอะไรหนักหนาเจียนตาย
ห้ า ม ข า ด   ห้ า ม ล า   ม า เ ล ย
ปีนึง มีแค่ 12 ครั้ง เท่านั้น...
ขนาดนั้นเลยเชียวนะ

ตอนที่มาวัดแรกๆ เรียนอยู่มหาวิทยาลัย ปี 1
เรากับพี่ๆ ชมรมพุทธฯ จะพากันมา 1 รถบัส
เดินทางจากชลบุรีมาถึงก็เกือบๆ 9.30 น.
ซึ่งเป็นเวลาพิธีกรรมพอดี
เราจึงได้เข้ามาในสภาธรรมกายสากล
ซึ่งอยู่ห่างไกลจากหน้าพิธีกรรมอย่างมาก

เราจะต้องหลับตานั่งสมาธิตามเสียงผ่านลำโพง
ดูที่หน้าจอ แล้วท่องตามเสียงผ่านลำโพง
แล้วนั่งประนมมือไหว้หน้าจอ 
พร้อมด้วยกราบลงไปที่เสา
(ซึ่งแต่ก่อนเป็นโทรทัศน์ที่ติดอยู่ตามเสา
ไม่ใช่จอใหญ่ๆ เหมือนในปัจจุบัน)

เราเองมาวัดแรกๆ ก็พยายามทำตามพี่เขา
แต่ในใจก็แอบงง แล้วขำนิดๆ
เฮ้ย...ประนมมือไหว้ทีวี ฟังเสียงลำโพง
กราบเสาเนี่ยนะ อะไรกันเนี่ย งงมากกกกกก
เหมือนอยู่ขอบภพ อะไรอย่างนั้นเลย

แต่พอนึกไปว่า โอ้โห คนมาเยอะเป็นหมื่นขนาดนี้
เขามีจอให้เราดู มีลำโพงให้เราฟัง 
แล้วทำตาม ก็บุญมหาศาลแล้ว

ตอนบ่ายเราจะมีโอกาสได้เข้าไปในศูนย์กลางพิธี
ตอนถวายปัจจัยบูชาธรรมพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
และได้ชมอาหารคาวหวานสำหรับบูชาข้าวพระอย่างใกล้ชิด 
จะเห็นได้ถึงความละเอียดปราณีต
ความพิถิพิถันในการจัดวางแต่ละชิ้น
เห็นถึงความวิจิตรตระการตา
ความอลังการงานสร้างของผลงานแต่ละโหล
ที่สัมผัสได้ถึงความพยายามวิริยะอุตสาหะ
ของผู้ทำถวาย
เรียกได้ว่าสวยงาม วิจิตรบรรจง
สมกับที่ถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทุกๆ พระองค์ ในอายตนะนิพพาน
น่าปลื้มใจมากกกกกจริงๆ

จนกระทั่งมาถึงวันนี้ปี พ.ศ. 2559 
เราดีใจมาก ที่กว่า 12 ปีที่ผ่านมา
เรายังไม่ขาดเลยสักเดือนเดียว 
ปลื้มใจหนักมาก

เมื่อเรามีบุญเพิ่มขึ้น ที่นั่งเราก็ค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้
ศูนย์กลางพิธีมากขึ้น คือ หน้ารัตนบัลลังก์
พร้อมลมแอร์เย็นๆ ที่พื้นและพัดลมตัวใหญ่มหึมา
ทำให้เรามานั่งสมาธิได้อย่างสบายกายสบายใจ

แต่สำหรับท่านใดที่เดินทางมาถึงก่อน
สามารถเข้าไปนั่งที่ห้องแก้วสารพัดนึกได้ 
แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล

สถานที่ที่เราสามารถนั่งได้อย่างนิ่งสงบ
แม้จะมีคนมาเป็นจำนวนมากนับหมื่นนับแสน
แต่นิ่งสงบมาก อย่างบอกไม่ถูก
คนที่มาทำบุญ เหมือนเป็นญาติพี่น้องกัน
เรารู้สึกอบอุ่นใจ

เวลาทุกคนปฏิบัติธรรมพร้อมเพรียงกัน
เมื่อใจหยุดนิ่งเป็นสมาธิ
เราจะรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่าง
ที่ดึงดูดเราให้มาทำความดีร่วมกัน ที่นี่...

เพราะที่นี่...คือบ้านของเรา...วัดพระธรรมกาย
และมีศูนย์รวมใจเดียวกัน คือ...หลวงพ่อธัมมชโย


...aohheart
7 มี.ค. 59


ประทับใจอะไร? ในวัดพระธรรมกาย

ป ร ะ ทั บ ใ จ อ ะ ไ ร ? 
ใ น วั ด พ ร ะ ธ ร ร ม ก า ย

ก็เพราะว่า...วัดพระธรรมกาย

ไม่มีสุนัข ทางเดินจึงดูสะอาดตา
ไม่ต้องคอยหลบระเบิด ไม่มีเสียงรบกวน

สอนให้วางรางเท้าให้เป็นระเบียบ
         ให้นั่งตรงจุด ทำให้ดูดี สวยงาม

สอนให้ล้างห้องน้ำ ไม่ว่าใครก็ต้องลางเป็นเหมือนกัน
มีสื่อการสอนพระพุทธศาสนาที่ทันสมัย 
ทำให้ธรรมะเข้าใจง่ายขึ้น
คนมาวัดแต่งกายสุภาพเรียบร้อย 
ชุดขาวสบายตา เป็นที่ตั้งแต่งศรัทธา

 ทุกงานบุญจะตรงเวลา
 หลวงพ่อนำนั่งสมาธิ 9.30 น. เป๊ะไม่ขาดไม่เกิน

ทุกคนที่มานั่งสมาธิ จะนิ่งสงบ 
แม้จะมีคนมาร่วมงานมากเป็นหมื่นเป็นแสน
วัดพระธรรมกายจึงต้องมีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นธรรมดา

สอนสมาธิตามหลักทางสายกลาง
ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หยุดใจ นิ่ง เฉย ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
ตรงไปตรงมาไม่มีบิดเบือน

 มีกิจกรรมงานบุญอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ


ทุกโครงการหรือกิจกรรมของวัด 
เน้นส่งเสริมศีลธรรมและสร้างสันติสุข

นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่ง...ที่เรามองเห็นได้
ยังมีอีกมากมายก่ายกอง ที่เรายังมองไม่เห็น

ก็เพราะอย่างนี้แหละ เราถึงได้ประทับใจ


@...วั ด พ ร ะ ธ ร ร ม ก า ย





...aohheart

7 มี.ค. 59

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

สิ่งดีๆ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยให้กับฉัน

พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย คือ ?

หลวงพ่อธัมมชโย หรือ พระเทพญาณมหามุนี
เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี

ผู้ดำริโครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
อุปสมบทหมู่แสนรูป 
บวชสามเณรล้านรูป
อุบาสิกาแก้วล้านคน
เด็กดี V-Star
รายการธรรมะ ช่อง DMC
มอบกองทุนช่วยเหลือครูใต้
และอีกมากมายหลายโครงการ...
เพื่อเด็ก เยาวชน พุทธศาสนิกชนทั่วทั้งโลก

ท่านเกิดวันที่ 22 เมษายน
ซึ่งตรงกับวันคุ้มครองโลก (Earth Day) พอดิบพอดี

เราเคยได้ยินชื่อของท่านเมื่อ พ.ศ. 2542 ทางสื่อต่างๆ
ช่วงนั้นวัดกำลังมีข่าวมากมาย
เราเองก็ได้ยินแต่แค่ฟังผ่านๆ เท่านั้น
เพราะตอนนั้นยังเด็กมากๆ 
(โชคดีที่ยังเด็ก โชคดีจริงๆ ที่ไม่คิดว่าร้ายท่าน
ไปตามสื่อที่ประโคมข่าวสร้างความเสียหายให้แก่วัด)

สิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยมอบให้ 
คือ หลักการ นั่งสมาธิ ที่ถูกต้อง

เพราะเราเองก็เคยนั่งมาตั้งแต่สมัยมัธยม
ก็สบายใจในระดับหนึ่ง

แต่พอเราได้ยินเสียงนำนั่งของท่าน
เมื่อสมัยเรียนในมหาวิทยาลัย
เรารู้สึกสงบทันที 
ท่านสอนหลักการวางใจ
นิ่งๆ เบาๆ สบายๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด
เราว่า นี่แหละ มันใช่เลย
สบายใจ สงบใจ สุดๆ ไปเลย
นี่คือความสุขที่เบาสบายที่สุดที่เราเคยได้เจอมา

ท่านบอกว่า เมื่อเราสว่าง โลกก็สว่างด้วย

ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ
ให้เราอยากจะเข้าไปช่วยงานพระพุทธศาสนา
อาจจะช่วยได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
ถึงแม้ไม่มีความรู้ความถนัดด้านไหนมากนัก แต่มีใจเกินร้อย

เมื่อเราได้มารู้จัก ได้มาเห็น วัดพระธรรมกายแล้ว
เราก็อยากให้คนอื่นๆ ที่ยังไม่เคยมา
ได้มีโอกาสได้มาเห็นด้วย
เขาจะได้รู้ ได้เข้าใจ เหมือนกับเรา

เพราะหากทุกคนเข้าใจ
สิ่งต่างๆ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย
และทางวัดพระธรรมกาย กำลังทำ
คือ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลก

โดยวิธีการเผยแผ่เป็นแบบเชิงรุก
เพราะสังคมสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว 
ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้น

แต่หากทุกคนเข้าใจ
เขาจะได้ไม่คิดผิด พูดผิด ทำผิด
แล้วมาร่วมมือกันปกป้องพระพุทธศาสนา
ที่ปู่ย่าตาทวดได้มอบไว้ให้กับลูกหลานอย่างเรา

ท่านจึงอยากให้ทุกคนได้บุญติดตัวไปเยอะๆ 
ไม่ให้มีบาปติดตัวไปเลย
เพราะพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย
ท่านมีเมตตากรุณามหาศาลอย่างนี้ไง

เราถึงรักและเคารพท่านสุดหัวใจ



...aohheart
5 มี.ค. 59




วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

สิ่งดีๆที่วัดพระธรรมกายให้ฉัน

สิ่งดีๆ ที่วัดพระธรรมกายให้ฉัน
สิ่งที่สำคัญเลยในความคิดเราคือ
การทำให้เราเข้าใจชีวิต
รู้จักเป้าหมายชีวิต
ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน 
เราต้องรู้ว่าเราทำอะไรอยู่?
แล้วทำไปเพื่ออะไร?

สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เราทำก็เพื่อตัวเราเอง
เราไปทำบุญ เพื่อตัวเราเอง
ใครทำใครได้ ใครไม่ทำก็ไม่ได้

วัดพระธรรมกายสอนให้
เรารู้จักรักบุญกลัวบาป
ให้รู้จักการทำทาน รักษาศีล สมาธิ
สอนวิธีการทำความดีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
สอนให้เรารักพระพุทธศาสนา

เพียงเท่านี้ ก็รู้สึกว่า
เราได้รับจากวัดพระธรรมกายมากมายแล้ว
เพราะนั่นเป็นการชี้หนทางสวรรค์ ปิดหนทางอบาย
ให้กับเราเลยทีเดียว
วัดพระธรรมกายให้เรามากขนาดนี้ 
แล้วเราจะไม่รักวัดพระธรรมกายได้อย่างไร?


...aohheart 
3 มี.ค. 59

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

มาวัดพระธรรมกายครั้งแรก ได้อย่างไร?

มาวัดพระธรรมกายครั้งแรก ได้อย่างไร?

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน
เราไม่เคยเขียน blog เลย นี่เป็นอันแรก
ตรงๆ เลยนะ เราไม่เคยศึกษาหรือสนใจด้านนี้เลย
เพราะเรารู้สึกเขินและไม่มั่นใจที่จะเขียน
แต่ถ้าหากเป็นงานพระศาสนาแล้ว
เรายินดีเป็นอย่างยิ่ง
ก็ไม่มีอะไรมาก อ่านเพลินๆ แล้วกันเนอะ

สิ่งที่จะมาเล่าให้อ่านกันในวันนี้
เนื่องมาจากเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

เราก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบทำบุญ ให้ทานมาตั้งแต่เด็ก
แต่ก็ไม่เคยเข้าวัดไหนเป็นพิเศษหรอก
ก็ไปทุกๆ วัด แต่พอตอนหลังๆ นี้เราไปวัดพระธรรมกายบ่อย
ตรงๆ เลยนะ เพราะวัดนี้มีกิจกรรมงานบุญบ่อยมากๆๆๆ
จะห้ามไม่ให้เราไปทำบุญได้ไงล่ะ
ในเมื่อเราก็เป็นแค่ชาวพุทธวัยรุ่นคนนึง
ที่อยากศึกษาธรรมะใส่ตัว ใส่หัวกะเขาบ้าง
เผื่อชีวิตจะรุ่งเรืองยิ่งขึ้น

ย้อนไปนานเลยตอนสมัยเรียนปี 1 พยาบาล
ด้วยความที่เราก็อยากจะรู้จักเพื่อนคณะอื่นๆ บ้าง
พอเสร็จกิจกรรมเชียร์ มีพี่ที่รู้จักท่านหนึ่ง
อยู่คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ ชื่อพี่เฮง (ศุภกิตต์ พิสิษฐ์ไพบูลย์) 
ปัจจุบันเป็นอาจารย์คณะแพทย์แผนไทย ม.รังสิต
ได้มาชวนเราไปค่ายที่หาดแม่รำพึง จ.ระยอง
เราชอบทะเลมากๆๆ เราก็เลยตกลงไป
เพราะอยากไปพักผ่อนกับเพื่อนๆ แค่นั้นเอง
เราแค่รู้ว่าเป็นพี่ชมรมพุทธฯ มาชวนไปเข้าค่ายธรรมะ 3 วัน
เราก็ยินดีเลย เพราะอยากเที่ยวอยู่แล้ว สบายๆ ชิวๆ

แต่พอได้ไปจริงๆ แล้ว
เราได้พบกับพระอาจารย์รูปหนึ่งจากวัดพระธรรมกาย
(หลวงพี่เก่ง หรือพระณัฐชัย วรงฺกุโล)
ท่านสอนเรื่องสมาธิกับการเรียน ซึ่งดีมากๆ เลย
เรานั่งสมาธิแล้วรู้สึกสบายใจ ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง
แล้วท่านก็สอนเรื่องกฎแห่งกรรม ให้เราเข้าใจง่ายๆ
รู้สึกเลยว่าธรรมะสนุกมาก เราชอบมาก ติดใจในธรรมะ

เลยทำให้เรามา
ชมรมพุทธศาสน์ มหาวิทยาลัยบูรพา ในพระสังฆราชูปถัมภ์
บ่อยขึ้นๆ มาทุกวัน ได้สวดมนต์ นั่งสมาธิ รู้จักเพื่อนใหม่
และเริ่มมีมีกัลยาณมิตร
ชมรมพุทธฯ ทำให้เราได้มาวัดพระธรรมกายครั้งแรก
คือ เข้าค่ายคุณธรรมวันแม่ (I do love mom)
ทำให้เรารู้ถึงวิธีการตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างถูกต้อง
แต่ช่วงนั้นคิดถึงแม่มากเลย จนจบค่ายกลับมาเรียนต่ออีกหลายวัน 
ลืมไปเลยว่า สถานที่ที่เราไปค่าย คือ ชมรมพุทธศาสตร์สากลฯ
ซึ่งอยู่ติดรั้ววัดพระธรรมกาย นั่นเอง

จนวันหนึ่ง เราก็ได้ไปทำกิจวัตรที่ชมรมพุทธอีกเช่นเคย
วันนั้นมีการเชิญชวนไปร่วมงานที่วัดพระธรรมกาย
จากชลบุรีถึงปทุมธานี ทั้งไปและกลับในวันเดียว ก็ค่อนข้างเพลีย
แต่จำได้ว่า พี่เขาพาไปถวายภัตตาหารที่หอฉันคุณยายอาจารย์ฯ
และได้ไปถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึกที่โถงช้าง
ซึ่งมีรูปพระเดชพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ประดิษฐานอยู่
เราก็รู้สึกเฉยๆ นะที่ได้ไป แต่นั่งรถนานนี่จำได้แม่นกว่า 5555

จนถึงวันที่เราคิดว่าวันนี้แหละ ที่เราจะจดจำไม่ลืม
วันนั้นก็เป็นพี่ชมรมพุทธฯอีกเช่นเดิม ที่ชวนไปร่วมงาน
ประดิษฐานองค์พระประธานที่อาคารภาวนา วัดพระธรรมกาย
เดินทางไกลอีกเช่นเดิม ยิ่งจากที่จอดรถมาถึงจุดจัดงาน
ก็ค่อนข้างไกล เราเดินกันมาเรียกได้ว่า เป็นโขยงก็ว่าได้
เรามุ่งตรงไปที่ศูนย์กลางพิธี เลยได้เห็นเหล่าศรัทธาสาธุชน
ที่เดินทางมาถึงก่อนนั่งเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และสงบมาก
เรารู้สึกประหลาดใจ ว่าทำไมคนถึงได้เยอะสุดลูกหูลูกตาแบบนี้
แล้วภาพประทับใจก็ปรากฏและยังประทับอยู่ในใจทุกวันนี้
ญาติโยมสาธุชน ก้มลงกราบ ไปกับพื้นดินแห้งๆ แตกๆ ร้อนๆ
เขากราบกันไปได้ยังไง ไม่เลอะเทอะ สกปรกเหรอ
เห็นศรัทธาสาธุชนอย่างนี้แล้ว รู้เลยว่า
พระเดชพระคุณเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
หลวงพ่อธัมมชโย ท่านต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เลย
มีคนศรัทธาท่านมากมายขนาดนี้ เพราะอะไรกันนะ?
เราก็คิดนะ แต่ก็สงสัยอยู่ในใจ
พอเสร็จพิธีกรรมก็เดินทางกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยต่อไป
นานหลายเดือนเลย
จนรู้ข่าวว่า ปิดเทอมนี้มีอบรมธรรมทายาทหญิง
 ที่วัดพระธรรมกาย
เราก็ตัดสินใจเลยว่า ไปแน่นอน ตอบตกลงทันที
แล้วทีนี้แหละ เกิดอะไรขึ้นบ้าง ช่วงระหว่างการอบรมในครั้งนั้น
เรายังจำได้ดีขึ้นใจ ทำให้เราได้สัมผัสกับชีวิตใหม่
ที่ทำให้เรารู้จักเป้าหมายชีวิต การเกิดมาของเราเพื่ออะไร
และอะไรๆๆ อีกมากมาย ที่เราสงสัยทั้งหมด
ก็คลายความสงสัยได้ทั้งหมดเลยเช่นกัน...
เอาไว้มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังต่อนะคะ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ เขียนดีหรือไม่ดีก็ไม่รู้
แต่นี่ออกมาจากความรู้สึกจริงๆ ทั้งหมดเลย
...aoh heart  2 มี.ค. 59